The Curious Cubic Houses Of Rotterdam

เป็น 1 ในสัญลักษณ์ของเมือง ซึ่งมีมากก่า 40 บ้าน และตั้งต่อเรียงกัน 45 องศา ใจกลางเมืองรอทเทอดัม Cube Houses ถูกออกแบบโดย Piet Blom ตั้งแต่ปีค.ศ. 1984 การออกแบบของเขาต้องการนำเสนอถึงบ้านที่สร้างด้วยไม้ทั้งบ้าน และเป็นหมู่บ้านที่อยู่ใจกลางเมืองใหญ่ได้

The Cubic Houses are a curious and magnificent architectural wonder located in Rotterdam, Netherlands. They were conceived and constructed by architect Piet Blom in the 1970s. Blom was asked by Rotterdam town planners to solve the dilemma of building houses on top of a pedestrian bridge, and, having built similar houses earlier in another town, Blom chose to repeat the design in Rotterdam.

Structurally, the cubes sit tilted on a hexagonal pole. They are made up of concrete floors, concrete pillars and wooden framing. Inside, the houses are divided into three levels accessed via a narrow staircase. The lower level is a triangular area used as the living room. The middle level houses the sleeping and bathing area, and the highest level is a spare area used either as a second bedroom or another living area.

Japanese cannibalistic sushi restaurant

Dinner at (conceptual) Cannibalistic Sushi restaurant is set in an operating room, an edible body is wheeled out to your family on a gurney. Then, its time to dig in! Literally.  Use chopsticks or your bare hands, either way you can ruin food forever or play out your own version of silence of the lambs…

“It puts the lotion on its body…”

The chefs at Cannibalistic Sushi restaurant ensure that the human body you are ripping into is as lifelike as possible. The sushi inside is shaped to resemble human organs, a red blood sauce is embedded in the skin layer so as to create realistic bleeding, and your corpse even has a set of paper maché genitals! Not sure if this is such a good idea… but hey, who would you have for dinner?

ฟยอร์ด อัญมณีเม็ดงามแห่งดินแดนที่ไม่เคยหลับใหล นอร์เวย์

เกรังเกอร์ฟยอร์ด (Geirangerfjord)

เกรังเกอร์ฟยอร์ด (Geirangerfjord)

เกรังเกอร์ฟยอร์ด (Geirangerfjord)

เกรังเกอร์ฟยอร์ด ถือได้ว่าเป็นเพชรเม็ดงามแห่งฟยอร์ดนอร์เวย์ เนื่องจากได้รับการการรันตีจากนักท่องเที่ยวที่มีโอกาสได้ไปสัมผัสหลายๆ ท่านว่าเป็นฟยอร์ดที่สวยที่สุดในบรรดาฟยอร์ดทั้งหมดของนอร์เวย์นั่นเอง เกรังเกอร์ฟยอร์ดตั้งอยู่ทางตอนเหนือ ประมาณ 100 กิโลเมตรจากเมืองออเลซุนด์ ซึ่งสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของ เกรังเกอร์ฟยอร์ด ก็คือ ภูมิทัศน์ของเทือกเขาสูงชันที่รายล้อม ทั้งยังมีน้ำตกที่สวยงามไม่แพ้น้ำตกแห่งไหนในโลก นั่นก็คือน้ำตก Seven Sisters เป็นดังฉากประกอบที่ทรงประสิทธิภาพอีกต่างหาก จึงไม่แปลกที่องค์การยูเนสโกจะยกย่องที่นี่ให้เป็นมรดกทางธรรมชาติของโลกเมื่อปี พ.ศ. 2545

ลีเซฟยอร์ด (Lysefjord)

ลีเซฟยอร์ด (Lysefjord)

ลีเซฟยอร์ด มีจุดเด่นคือภูเขาสูงชันที่โอบล้อมอ่าวแคบๆ เอาไว้ และหนึ่งในภูเขาที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในฟยอร์ดแห่งนี้ก็คือ เพรเคสโตเลน ซึ่งเป็นภูเขาหินขนาดมหึมากว่า 600 เมตร มีลักษณะเป็นหน้าผาทรงแท่งสี่เหลี่ยม ข้างบนเป็นลานขนาดใหญ่ที่รอต้อนรับผู้มาเยือนผู้มีความกล้าและความทรหดอดทนให้ขึ้นมาพิชิตภูผาแห่งนี้ เพราะต้องใช้เวลาเดินขึ้นมาถึง 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว

และทั้งหมดนี้ก็คือสิ่งดีๆ ที่ “มัชรูมทราเวล” นำมาฝากชาว Travel.mthai และหากคุณมีโอกาสได้ไปเยือนนอร์เวย์ ก็อย่าลืมพาตัวเองไปพบกับประสบการณ์อันแสนวิเศษในชีวิตดูสักครั้ง ด้วยการล่องเรือชมฟยอร์ด อัญมณีเม็ดงามของประเทศแห่งนี้ เพราะเรารับรองว่าคุณจะติดใจ

เอเวอร์แลนด์ สวนสนุกดิสนีย์แลนด์เกาหลี ( Everland )

  “เอเวอร์แลนด์” สวนสนุกกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเกาหลี ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา เป็นศูนย์รวมความสนุกกับบัตร BIG 5 สามารถเลือกเล่นเครื่องเล่นได้ฟรี 5 ชนิดไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่นมหึมาน่าหวาดเสียว ดินแดนแห่งเทพนิยาย และสวนสนุกซาฟารีเวิร์ล ซึ่งถูกขนามนามว่าเป็น “ดิสนีย์แลนด์เกาหลี”

  สวนสนุกเอเวอร์แลนด์กำเนิดโดยตระกูลซัมซุง ซึ่งเจ้าของกิจการซัมซุงมีลูกชาย 3 คน เมื่อลูกชายคนโตมีหลานชายคนแรกคุณปู่ก็เลยอยากสร้างสวนสนุกให้เป็นของขวัญ จึงซื้อภูเขา 1 ลูกเพื่อสร้างสวนสนุกที่อยู่กลางหุบเขา ปัจจุบันเอเวอร์แลนด์มีอายุ 30 ปีแล้วแต่ก็ยังเป็นดินแดนมหัศจรรย์ที่ดึงดูดบรรดานักท่องเที่ยว ให้เข้ามาสัมผัสความสนุกสนานและความตื่นตาตื่นใจ



     สถานที่เที่ยวที่ขึ้นชื่อของสวนสนุกท่ามกลางหุบเขาแห่งนี้ ท่านจะได้ท่องไปกับโลกของสัตว์ป่าซาฟารี พบกับ “ไลเกอร์” ซึ่งเป็นลูกแฝดผสมที่เกิดขึ้นจากความรัก ระหว่างสิงโตเพศผู้และเสือเพศเมีย นับเป็นแฝดผสมเสือ-สิงโตคู่แรกในโลก และท่านจะได้อมยิ้มไปกับลีลาท่าทางอันพลิ้วไหวของหมีต่าง ๆ ที่ยืนรอรับท่าน ซึ่งพนักงานขับรถซาฟารีจะเป็นผู้ทักทาย และให้อาหารพร้อมและเล่นกับหมี ท่านจะได้รู้ว่าการไหว้อย่างหมีเป็นอย่างไร

ปล่อยแก่และเติมเต็มความสุขของท่านด้วย บัตร BIG 5 สนุกสนานกับเครื่องเล่นต่าง ๆ ซึ่งท่านสามารถเลือกเล่นเครื่องเล่นได้ฟรีถึง 5 อย่าง ไม่ว่า จะเป็น ทีเอ๊กเพรส รถไฟเหาะ หนอนสะบัด ชาร์ป โรงหนังสามมิติ บ้านผีสิง หมุนตีลังกาสองตลบ Global Fair, American Adventrue, Magic Land, European Adventure และ Equatorial Adventure นอกจากนี้ท่านยังสามารถช้อปปิ้งในร้านค้าของที่ระลึกและเอ้าเลทท์ ตลอดเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ ร่วมฉลองเทศกาลหิมะ สนุกแบบไม่รู้ลืมกับการเล่นสโนสเลดแบบไม่จำกัดรอบ หรือท่านใดอยากประลองความท้ายทายกับการนั่งสโนบัสเตอร์ก็ไม่ว่ากัน.....ขอบอกว่ามันส์มาก



และสุดท้ายเดินชมและถ่ายรูปกับสวนดอกไม้ ซึ่งผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนตามฤดูกาล ในช่วงฤดูร้อนนี้จะเป็นดอกกุหลาบ และดอกลิลลี่บาน ให้ชมทั้งทุ่งดอกไม้หลาก ถ้าได้มีโอกาสไปเที่ยวแดนเกาหลีก็ลองไปเที่ยวเก็บความสนุกให้จุใจได้ที่ “ เอเวอร์แลนด์ ” สวนสนุกดิสนีย์แลนด์เกาหลี ค่ะ ขอให้เที่ยวอย่างสนุกนะคะ

Doorae Korean Restaurant (ดู เร)

ถ้าเอ่ยถึง “เกาหลี” ในบ้านเราตอนนี้แทบไม่มีใครที่จะไม่รู้จักไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหารเกาหลี ซีรี่ย์เกาหลี ดารานักร้องเกาหลีมากมาย สำหรับเหล่าสาวกเคป็อปทั้งหลายคงมีความสูขน่าดูที่แค่เดินๆแถวบ้านเราก็อาจได้เจอดารานักร้องดังจากแดนโสมมาให้เราได้กรี๊ดกันแล้วค่ะเกริ่นไปซะยาวเข้าเรื่องกันก่อน เราจะแนะนำร้านอาหารเกาหลีซึ่งเปิดอยู่ที่ Korean Town สุขุมวิทพลาซ่านี้เองค่ะ ชื่อร้าน “Dorea Korea Restaurant” หรือ “ร้านอาหารเกาหลีดูเร” เปิดมานานกว่า 13 ปีแล้ว เปิดตั้งแต่เกาหลียังไม่ฟีเว่อร์ในบ้านเราเลย จนตอนนี้มีลูกค้าทั้งคนไทยและคนต่างชาติพากันเข้ามาลองลิ้มชิมความอร่อยของอาหารที่นี่อย่างไม่ขาดสาย

 

จะว่าไปแล้วก็มีร้านอาหารเกาหลีดั้งเดิมอยู่มากในโคเรียนทาวน์ แต่ความเก๋าและเจ๋งของร้านดูเรแห่งนี้ ทำให้หลายคนที่มาชิมต้องติดใจทั้งรสชาติอาหาร บรรยากาศร้าน หรือแม้กระทั่งพนักงานที่บริการด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส ส่วนภายในร้านมีสองชั้นวางเตาปิ้งย่างไว้ติดกับโต๊ะที่นั่งกำลังดีไม่อึดอัดค่ะ ผนังในร้านก็จะติดรูปถ่ายและลายเซ็นของดาราที่เคยมากินไว้มากมายทั้งดาราไทยและดาราเกาหลีเลยค่ะก็ถือว่าเก๋ๆไปอีกแบบ

 

เมนูอาหารมีหลายอย่างมากทั้งปิ้งย่างหรือแบบสั่งเป็นจานๆ และที่แนะนำของร้านก็เป็น “ซี่โครงเนื้อย่าง หรือภาษาเกาหลีคือ (เซ็งคาลบี้)” ราคา 520  บาท “ลิ้นย่าง หรือ (อูซอล)” 370 บาทและยังมี “คอหมูย่าง หรือ (ฮังจองซัล)” ราคา 320 บาท เป็นคอหมูย่างอย่างดีเลยค่ะเอาลงไปย่างในเตากินพร้อมกับผักสดและน้ำจิ้มสูตรเด็ดของร้านอร่อยนุ่มลิ้นมากขอบอก ส่วนทีเด็ดอีกอย่างก็คือ“หมูหมักซอสแดง” ราคา 300 บาท หมักสูตรซอสของทางร้านจนเข้าเนื้ออย่างสุกพอเหมาะ กินแบบไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มก็อร่อยดีค่ะ เมื่อสั่งอาหารแล้วสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยไม่ว่าจะไปร้านไหนๆของเกาหลีก็คือเครื่องเคียงค่ะ ทั้งกิมจิผักกาดขาว กิมจิหัวไชเท้า ไข่นกกระทาอบ มะเขือชุบไข่ ปลาหวาน หัวไชเท้าดอง หอมหัวใหญ่และอื่นๆอีกมากมาย วางทีเดียวเต็มโต๊ะเลยหล่ะค่ะ

 

 

นอกจากเมนูปิ้งย่างที่ขึ้นชื่อยังมียังมี “ข้าวยำเกาหลี หรือ บิบิมบับ” ราคา 220 บาท เสิร์ฟมากับหม้อหินร้อนๆคลุกด้วยซอสสีแดงๆอร่อยแบบได้สุขภาพด้วยนะคะ อีกเมนูเป็น “ซุปไก่ตุ๋นโสม หรือ ซัมเกทัง” ราคา 350 บาท ขอแนะนำเมนูนี้เลยค่ะว่าอย่าพลาด เป็นไก่ทั้งตัว (ไซส์เล็กๆ) ตุ๋นจนเปื่อยยัดไส้ข้าวเกาหลีไว้ข้างในเสิร์ฟมาให้ซดแบบร้อนๆ เหมาะมากสำหรับอากงอาม่า 55+ แต่รับรองรสชาติอร่อยติดใจค่ะ มาต่อกันที่ของหวานอย่างเดียวในร้านนี้คือ “พัทบิงซู” หรือ น้ำแข็งใสแบบเกาหลีค่ะ ราคา 150  บาทในถ้วยจะใส่ไอศกรีม ถั่วแดง เกร็ดน้ำแข็ง และ ผลไม้ต่างๆกินแล้วหวานๆเย็นๆสดชื่นมากๆค่ะ

 

Hako Town

เป็นสวนอาหารที่มีบรรยากาศและสไตล์การตกแต่ง แนวญี่ปุ่นดั้งเดิม

แบบเปิดโล่ง (Out-door) ที่เปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารญี่ปุ่น

ชนิดมานั่งกิน และ ดื่มชิล-เอ้าท์ หลังงานเลิกแล้วในช่วงเย็นๆ

ที่นี่จะมีร้านอาหารญี่ปุ่น หลากหลายแบบ ที่กล่าวกันว่า เป็นต้นตำรับแท้

ดั้งเดิมของญี่ปุ่น ที่ไม่มีที่ไหน มีที่นี่เป็นแห่งแรกในประเทศไทยค่ะ นำร้าน

อาหารชื่อดังจากญี่ปุ่นมาเองเลย ตั้งเรียงรายเป็นร้านย่อยๆอยู่โดยรอบ

ประมาณ7 - 8 ร้าน ให้เลือกรับประทานกันตามใจชอบ และจัดพื้นที่

สำหรับนั่งรับประทานอาหารไว้ตรงกลาง ที่นี่ไม่มีการจองโต๊ะล่วงหน้าค่ะ

เป็นแบบ Walk-in มาถึงก็เดินเลือกซื้ออาหาร แล้วหาที่นั่งกันเองได้เลย

.... คุณมรุต ชโลธร - เจ้าของ"Hako Town" เป็นผู้บุกเบิก

ให้แนวคิด ในการสร้างสรรค์ธุรกิจ สถานที่กิน-ดื่มในแนวญี่ปุ่น

แบบดั้งเดิมนี้ในเมืองไทยเป็นแห่งแรก

 

ที่ตั้ง : ถ.ประดิษฐ์มนูธรรม แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ

( เลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์)

Palio เขาใหญ่แหล่งสุดฮิปของคนอินเทรนด์

 

Palio เขาใหญ่

Palio เขาใหญ่

Palio เขาใหญ่

   Palio หรือ ปาลิโอ ตั้งอยู่บนถนนธนะรัชต์ หลักกิโลเมตรที่ 17 ติดกับโรงแรมจุลดิศ เขาใหญ่ รีสอร์ท แอนด์ สปา ก้าวแรกที่ได้ไปสัมผัส Palio เขาใหญ่ แอบคิดในใจเล่นว่า "นี่เราข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกลถึงประเทศอิตาลีเลยเหรอเนี่ย" ก็แหม บรรยากาศมันพาไปจริง ๆ ประหนึ่งว่ากำลังเดินอยู่กลางกรุงโรม ^_^ เพราะไม่ว่าจะเป็นอาคารถูกออกแบบให้เป็นกลุ่มอาคารถนนคนเดิน หรือสถาปัตยกรรมยุโรปโบราณแนวอิตาเลียนสไตล์ที่รายล้อม แถมคำว่า Palio ยังเป็นภาษาอิตาเลียน หมายถึง "รางวัล" อีกด้วย

          และถ้าเดินลั้ลลาสำรวจไปเรื่อยจะพบว่า ภายใน Palio เขาใหญ่ มีร้านเล็ก ๆ เป็นแนวลดหลั่นเรียงกันประมาณ 120 ร้าน มีสินค้าหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น ของแต่งบ้าน, เสื้อผ้าแฟชั่น, เครื่องประดับ, เครื่องเสียง, งานดีไซน์ต่าง ๆ, ธนาคาร, ร้านขายของที่ระลึก, พืชผักปลอดสารพิษ, ร้านไวน์ Coffee Shop, Pub & Restaurant, Bakery ร้านเสริมสวย, ร้าน Spa, ร้านขายยา, ร้านขายหนังสือ และศูนย์อาหาร ฯลฯ โดยแต่ละร้านจะได้รับการออกแบบให้มีสไตล์ และเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่กลมกลืนเข้าภูมิทัศน์ล้อมรอบที่ดำรงความเป็นธรรมชาติของเขาใหญ่ 

Palio เขาใหญ่

Palio เขาใหญ่

Palio เขาใหญ่

Palio เขาใหญ่

Palio เขาใหญ่

น่าไปชิป่ะล้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา.